ความสุข เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ต่างก็ปรารถนา แต่ในโลกนี้คงไม่มีใครที่ในชีวิตมีแต่ความสุข ไม่เคยเผชิญกับความทุกข์ บางคนพยายามไขว่คว้าตามหาสิ่งที่เรียกว่าความสุข หรือสิ่งที่คิดว่าได้มาครอบครองแล้วคิดว่าจะมีความสุข บางคนยอมแลกทุกอย่างในชีวิตเพื่อสิ่งนี้ และหลายคนยอมเสียสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปแล้วคิดว่าสิ่งที่ได้รับกลับมานั้นไม่ใช่ความสุขอย่างที่คิดไว้และเมื่อชีวิตเดินทางมาถึงจุดหนึ่งจึงเพิ่งคิดได้ว่า จริง ๆ แล้วความสุขไม่จำเป็นต้องวิ่งตามหาที่ไหนเลย วันนี้จะพาทุกคนเก็บเกี่ยวความสุขง่าย ๆ ที่มีได้ในทุก ๆ วัน ค่ะ
1. ฝึกเป็นคนเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น คำพูดที่ว่า “สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ” เป็นการบอกให้เรายอมรับและเข้าใจกับทุกสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่มีใครที่จะมีแต่ความสุขได้ตลอดและไม่มีใครที่จะพบแต่ความทุกข์ไปตลอดเช่นกัน หากเราเข้าใจได้ว่าชีวิตก็เป็นเช่นนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ก็เหมือนกับเราฝึกปล่อยวางนั่นเอง เพราะหากสิ่งใดไม่อาจแก้ไขได้เราก็ควรวางสิ่งนั้นลงเหมือนกับต้นไม้ที่รู้จักทิ้งใบเมื่อถึงฤดูกาล เมื่อฝึกคิดแบบนี้ได้ชีวิตเราจะพบกับความสุขได้ง่ายขึ้น เรียบง่ายและสัมผัสได้จริง
2. ทางสายกลาง การรู้จักวางชีวิตให้อยู่ในระดับที่พอดี ๆ ไม่มากและไม่น้อยเกินไป ทำให้เรามีความสุขกับชีวิตได้ง่ายขึ้น “ภวตัณหา” ความอยากได้ อยากเป็น อยากมี สิ่งเหล่านี้นั่นแหละที่ทำให้เราเป็นทุกข์ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราอยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้ อยากเป็นในสิ่งที่ไม่ควรเป็น อยากมีในสิ่งที่ไม่ควรมี อยากทุกอย่างที่เกินความสามารถของตัวเรา เราจะรู้สึกเป็นทุกข์มาก ลองฝึกลดความอยากที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ตัวเองเป็น ยอมรับในสิ่งเหล่านั้นเพียงเท่านี้ความสุขก็อยู่ไม่ไกล
3. เข้าใจความแตกต่างของทุกสรรพสิ่ง ทุกสิ่งบนโลกไม่มีอะไรเหมือนกัน แม้แต่มือทั้งสองข้างของคนเราก็ยังไม่เท่ากันเลย นับประสาอะไรกับความคิดของคน เป็นธรรมดาเมื่อเราต้องเจอสถานการณ์ที่ขัดใจหรือถูกทำให้เสียใจย่อมเกิดเป็นความทุกข์ แต่หากเรามองว่าทุกคนล้วนยืนอยู่ในจุดที่ต่างกัน เค้าไม่มีวันเข้าใจเราได้ทั้งหมด และเช่นกันเราก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจเค้าได้ทุกมุม ดังนั้นทุกสิ่งล้วนมีความแตกต่างกัน ลองมองด้วยความเข้าใจเราก็จะเป็นทุกข์น้อยลง
4. ไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น แน่นอนว่าเมื่อมีคนประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน หรือเรื่องความรัก ตัวเราเองก็อยากเป็นแบบนั้นบ้าง และเมื่อความอยากเป็นเหมือนคนอื่นนั้นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวเราเองก็จะกลายเป็นคนที่ไม่มีความสุขในการเป็นตัวเอง รู้สึกว่าทำไมชีวิตเราไม่ดีเหมือนคนนั้นคนนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทุกคนย่อมมีทั้งมุมที่ดีและร้ายในชีวิต เพียงแต่บางทีมุมร้าย ๆ ของคนอื่นนั้นเราไม่รู้ ดังนั้นจึงควรพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีและมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็น
5. ให้อภัยตัวเอง ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วไม่เคยไม่ทำผิด ทุกคนย่อมเคยมีความผิดพลาดมาด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่เราจะก้าวข้ามผ่านความรู้สึกผิดนั้นได้หรือไม่ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราก้าวข้ามผ่านมันมาได้เราก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยใช้ความผิดพลาดในอดีตเป็นบทเรียนให้เราไม่เดินซ้ำรอยเดิม อย่าให้ความผิดพลาดเป็นบาดแผลที่ทิ่มแทงจิตใจเราจนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ชีวิตคือการเรียนรู้ไม่ว่าในอดีตเราจะเคยพลาดมาเท่าไหร่ แต่หากเรารู้จักให้อภัยตัวเองและเริ่มต้นใหม่ได้ เมื่อนั้นชีวิตเราก็จะมีความสุขได้โดยไม่ต้องกังวลกับอดีตหรืออนาคต เพียงทำวันนี้ให้ดีก็พอ
6. ลดความคาดหวัง การที่เรานั้นตั้งความคาดหวังในชีวิตมาก ๆ ไม่ว่าจะหวังกับตัวเองหรือหวังไว้กับคนอื่นก็มีแต่จะทำให้เกิดความทุกข์ใจ  เมื่อสิ่งที่เราคาดไว้ไม่เป็นดังหวัง การกระทำเช่นนี้ก็เหมือนกับเราเอาความสุขของเราไปฝากไว้ที่คนอื่น เมื่อไหร่ที่คนอื่นทำดีกับเราอย่างที่เราหวังไว้เราก็จะมีความสุข และเมื่อไหร่ก็ตามที่คนอื่นไม่ทำอย่างที่เราหวัง เราก็จะไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นอย่าได้คาดหวังกับสิ่งที่เราไม่สามารถจัดการได้ หัดปล่อยวางแล้วชีวิตจะพบกับความสุขขึ้นมาก
7. ตั้งเป้าหมายในชีวิตแต่พอดี ไม่ผิดว่าเกิดมาแล้วควรมีเป้าหมายในชีวิต เพราะนั่นก็เหมือนกับว่าเรามีเข็มทิศในการดำเนินชีวิตไม่ให้หลงทางไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่เป้าหมายของเราควรอยู่ในระดับที่เอื้อมถึง อยู่ในระดับที่เราคิดว่าสามารถพัฒนาตัวเองไปถึงได้ ไม่ใช่เป้าหมายที่สุดเอื้อมหรือยากเกินไป เมื่อเราไปไม่ถึงก็จะเกิดความกดดันจากตัวเองเกิดความเครียดและท้อถอย อาจจะตั้งเป้าเป็นลำดับขั้นก็ได้เมื่อสำเร็จในขั้นนี้แล้วขั้นถัดไปอาจจะมีความยากเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ค่อย ๆ เดินไปทีละสเต๊ป เพื่อให้เราไม่ต้องกดดันและมีความสุขกับเป้าหมายในชีวิตนั่นเอง